วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

อุตสาหกรรมยานยนต์


อุตสาหกรรมยานยนต์

โครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์


ปัจจุบันมีผู้ประกอบรถยนต์ 15 ราย มีผู้ประกอบรถจักรยานยนต์ 5 ราย มีผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ส่ง     ชิ้นส่วนและวัสดุให้กับผู้ประกอบยานยนต์โดยตรง(Direct Supplier)  ทั้งสิ้น 709 ราย (โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ 386 ราย เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถจักรยานยนต์ 201 ราย เป็นทั้งผู้ผลิต    ชิ้นส่วนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 122 ราย) นอกจากนี้ ยังมีผู้ผลิตชิ้นส่วนสนับสนุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น SMEs อีกประมาณ 1,000 ราย ทั้งนี้ ค่ายยานยนต์ระดับโลกที่เข้ามา ลงทุนตั้งโรงงานประกอบในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตในภูมิภาค จะมีการจัดหาชิ้นส่วนโดยใช้แนวทาง Global Sourcing ซึ่งจะสั่งซื้อชิ้นส่วนจาก Supplier ที่ผลิตชิ้นส่วนให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดและมีราคาถูกที่สุด ทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทยในปัจจุบันต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง นอกจากนี้ การประกอบยานยนต์จะใช้วิธีในการลดขั้นตอนการประกอบลง โดยอาศัยแนวทางที่จะพัฒนาการใช้ชิ้นส่วนในลักษณะ Module มากขึ้น โดยทำการผลิตชิ้นส่วน Module ขึ้นในโรงงานประกอบเอง หรืออาศัยผู้ผลิตชิ้นส่วนที่อยู่ใกล้เคียงดำเนินงานให้ ดังนั้น      ผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหม่ที่เกิดขึ้น จะเลือกตั้งโรงงานให้อยู่ใกล้กับโรงงานประกอบยานยนต์ เพื่อจะได้สะดวก เกิดความรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง โดยอาศัยระบบ Logistics มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงาน

สภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2545

ในปี 2545  อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีการขยายตัวอย่างมากทั้งในด้านการผลิต และการจำหน่าย อันเนื่องมาจาก ภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ได้ฟื้นตัว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่ได้เห็นผลทำให้เกิดกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ภาวะดอกเบี้ยต่ำ การเปิดตัวยานยนต์รุ่นใหม่ออกมากระตุ้นตลาดอย่าง       ต่อเนื่อง และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของค่ายยานยนต์ต่างๆ ทำให้ สภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2545 มีการผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทประมาณ 595,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 29.51    มีการจำหน่ายประมาณ 400,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 34.66 โดยเป็นการจำหน่ายรถยนต์นั่งร้อยละ 30 เป็นการจำหน่ายรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ร้อยละ 60 ที่เหลืออีกร้อยละ 10 เป็นการจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ และมีการส่งออกรถยนต์ประมาณ 185,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 5.53 สำหรับรถจักรยานยนต์มีการผลิตประมาณ 1,980,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 63.64 มีการจำหน่ายประมาณ 1,330,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 47.63 โดยเป็นการจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวถึงร้อยละ 93 ที่เหลืออีกร้อยละ 7 เป็นการจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต และ    มีการส่งออกรถจักรยานยนต์(CBU&CKD) ประมาณ 520,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 90.97 ซึ่งได้มีการเปลี่ยนรูปแบบจากการส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป(CBU) เป็นการส่งออกในลักษณะของชิ้นส่วนถอดแยก(CKD) เพื่อนำไปประกอบแทน และจะเป็นลักษณะดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ

แนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2546


อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่คงเป็นไปในลักษณะที่ไม่ขยายตัวมากเช่นปี 2545 ซึ่งในปี 2546 นี้ คาดว่า รถยนต์จะมีการผลิตในประเทศ 665,000 คัน และมีการจำหน่าย             ในประเทศ 450,000 คัน ในส่วนรถจักรยานยนต์จะมีการผลิตในประเทศ 2.5 ล้านคัน และมีการจำหน่าย  ในประเทศ 1.65 ล้านคัน  สำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ ส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับภาวะการผลิตและจำหน่าย  รถยนต์และรถจักรยานยนต์  ดังนั้น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในปี 2546 จะมีแนวโน้มที่ดีไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมรถยนต์และอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์

ปัญหา


อุตสาหกรรมประกอบยานยนต์

1. ความสามารถในการผลิต : ไทยยังไม่ได้เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนในภูมิภาคเอเซีย  อย่าง แท้จริง ขาดเทคโนโลยีที่เป็นแก่นแท้(Intrinsic Technology)ของตนเอง ขาดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างจริงจัง และขาดความสามารถในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์

2. ทรัพยากรและสาธารณูปโภค : การพัฒนาบุคลากรทางด้านเทคโนโลยี วิศวกรรม และการจัดการ ยังไม่สามารถสนองตอบความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ไม่มีทรัพยากรบุคคลในสายวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโดยตรงอย่างเพียงพอ  ในปัจจุบันมีสาธารณูปโภคที่ดี  แต่ยังไม่มีการวางแผนโครงการในอนาคต  และไม่มีศูนย์กลางด้าน R&D

3. กฎระเบียบภาครัฐ : ข้อมูลของอุตสาหกรรมมีไม่เพียงพอและขาดการประสานงานทางด้านข้อมูล ทำให้ผู้ประกอบการวางแผนธุรกิจได้ยาก

อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์


1. ด้านการตลาด : ขาดความเข้มแข็งในการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการ เพื่อขยายตลาดและอำนาจในการต่อรอง ตลอดจนการเข้าสู่ supply chain ของ Brand อื่นๆ ได้ยาก

2. ความสามารถในการผลิต : ไทยยังไม่ได้เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนในภูมิภาคเอเซีย อย่างแท้จริง  ขาดเทคโนโลยีที่เป็นแก่นแท้(Intrinsic Technology)ของตนเอง ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ขาดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างจริงจัง ขาดการวิจัยและพัฒนา (R&D) ขาดความสามารถในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขนาดของอุตสาหกรรมไม่ก่อให้เกิดการประหยัดในการทำ R&D และมีประสิทธิภาพต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับ suppliers ทั่วโลก

3. ทรัพยากรและสาธารณูปโภค : การพัฒนาบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีวิศวกรรม และการจัดการ ยังไม่สามารถสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรม บุคลากรขาดความรู้ด้านภาษาและกฎหมาย ทำให้ไม่มีอำนาจในการต่อรอง เสียเปรียบด้านการทำสัญญาการค้า ขาดความสามารถในการใช้ IT และ E-Commerce ไม่มีศูนย์กลางทางด้านการทำวิจัยและพัฒนา

4. กฎระเบียบภาครัฐ : ข้อมูลของอุตสาหกรรมมีไม่เพียงพอและขาดการประสานงานทางด้านข้อมูล ทำให้ผู้ประกอบการวางแผนธุรกิจได้ยาก

5. ด้านอื่นๆ : ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ขาดความรู้ด้านการบริหารการเงิน ขาดเงินทุนในการขยายกิจการเพื่อขยายตลาด ขาดเงินลงทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต มีมูลค่าเพิ่มใน supply chain น้อย

แผนแม่บทอุตสาหกรรมยานยนต์


ในอดีตที่ผ่านมาการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้ใช้นโยบายและมาตรการคุ้มครองอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ โดยการห้าม/จำกัดการนำเข้า การบังคับใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ(Local Content) ซึ่งแนวทางการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนในประเทศเจริญเติบโตขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น แนวโน้มการรวมตัวกันของบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ และทิศทางการค้าเสรีที่เกิดขึ้นทั่วโลก ได้ส่งผลให้ประเทศไทยต้องมีการยกเลิกการบังคับใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตในประเทศ รวมทั้งนโยบายการปกป้องอุตสาหกรรม ทำให้เกิดสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เพื่อให้ทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นไปอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์กับประเทศ จึงได้มีการจัดทำแผนแม่บทอุตสาหกรรมยานยนต์ขึ้นแล้วเสร็จในปี 2545  ซึ่งในแผนแม่บทฯ ได้กำหนด VISION ไว้ว่า ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ในเอเซีย สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศ โดยมีอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีความแข็งแกร่ง  โดยมีกลยุทธ์หลัก คือ การสร้างสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการหารือในการจัดทำแผนปฏิบัติการขึ้น เพื่อให้มีการดำเนินงานที่ส่งผลดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบรรลุ VISION ของอุตสาหกรรมยานยนต์ดังกล่าว

ข้อเสนอแนะ


จากสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ได้รับผลกระทบอย่างมาก ทั้งในด้านของการถูกกดดันทางราคา และการที่ต้องพยายามในการลดต้นทุนลง สำหรับอุตสาหกรรมประกอบยานยนต์ได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการเป็นค่ายยานยนต์ในระดับโลกที่ได้ย้ายฐานเข้ามาลงทุนในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม แนวทางในการส่งเสริมและแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่สมควรหยิบยกขึ้นมาพิจารณาดำเนินงาน มีดังต่อไปนี้

1. ควรมีเสถียรภาพทางด้านนโยบาย ทั้งนี้ ในการปรับเปลี่ยนนโยบายใดๆ เช่น การปรับเปลี่ยนวิธีหรืออัตราการจัดเก็บภาษี ย่อมเป็นสิ่งที่ภาครัฐสามารถกระทำได้ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศ ซึ่งการพิจารณาควรดูในภาพรวมทั้งระบบ และการจะประกาศบังคับใช้ก็ควรมีระยะเวลาเตรียมการด้วย เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการทุกราย

2. ควรมีแนวทางที่ชัดเจน และมาตรการที่จะสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมประกอบยานยนต์ เช่น อุตสาหกรรมการดัดแปลงและต่อเติมตัวถังในประเทศ

3. ควรผลักดัน ส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินงานตามข้อตกลง AFTA และ AICO ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และควบคุมให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างแท้จริง เพื่อแก้ไขปัญหาประเด็นข้อกำหนดด้าน Rule of Origin ให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของความร่วมมือ ASEAN และแก้ไขปัญหาการบิดเบือนปริมาณ ASEAN Content

4. เนื่องจาก AFTA ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้มีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2546 จึงควรเร่งรัดให้มีการปรับโครงสร้างภาษีขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะรายการวัตถุดิบและชิ้นส่วนย่อยที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องนำเข้ามาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อให้ต้นทุนการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ สามารถแข่งขันกับชิ้นส่วนยานยนต์นำเข้าจากอาเซียนได้

5. ควรทบทวน แก้ไข กฎ ระเบียบ ขั้นตอนการดำเนินธุรกรรมต่างๆ ของภาครัฐที่จะช่วยลดภาระการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ รวมทั้งแนวนโยบายการให้สิทธิประโยชน์ที่จะส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น ตลอดจน ส่งเสริมความเท่าเทียมกันในการดำเนินธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการไทยในปัจจุบันกับนักลงทุนรายใหม่จากต่างชาติ เช่น การให้สิทธิประโยชน์สำหรับการขยายการ ลงทุนในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่ดำเนินกิจการอยู่แล้ว ได้รับสิทธิประโยชน์ด้วยกันทุกเขตหรือให้ทุกเขตได้รับสิทธิประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน

6. ควรสนับสนุนและเร่งรัดให้มีการจัดตั้งศูนย์ทดสอบและวิจัยพัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขันให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วน           ยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs)

7. ควรให้การส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณการดำเนินงานของสถาบันยานยนต์ ในการวางแนวทางการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ การพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทย ตลอดจนการดำเนินโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในด้านอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อให้สถาบันยานยนต์เป็นศูนย์กลางในการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์(Cluster Hub) ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

 

 

 

 

ตาราง1 : การผลิตยานยนต์

        หน่วย : คัน

ประเภทยานยนต์

2543
2544
2545    (ประมาณการ)
%          เปลี่ยนแปลง

รถยนต์

411,721
459,418
595,000
29.51
   รถยนต์นั่ง
103,089
160,687
192,000
19.49
   รถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน
294,834
289,349
390,000
34.79
   รถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ
13,798
9,382
13,000
38.56

รถจักรยานยนต์

1,125,551
1,209,995
1,980,000
63.64
   ครอบครัว
1,089,304
1,145,001
1,900,000
65.94
   สปอร์ต
36,247
64,994
80,000
23.09

ที่มา: สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

 

ตาราง2 : การจำหน่ายยานยนต์ในประเทศ

        หน่วย : คัน

ประเภทยานยนต์

2543

2544

2545    (ประมาณการ)
%          เปลี่ยนแปลง

รถยนต์

262,189
297,052
400,000
34.66
   รถยนต์นั่ง
83,106
104,502
120,000
14.83
   รถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน
151,703
168,639
240,000
42.32
   รถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ
27,380
23,911
40,000
67.29

รถจักรยานยนต์

788,854
900,925
1,330,000
47.63
   ครอบครัว
759,146
871,077
1,240,000
42.35
   สปอร์ต
29,708
29,848
90,000
201.53

ที่มา: สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ตาราง3 : การนำเข้ายานยนต์

หน่วย: ล้านบาท

ประเภทยานยนต์

2543

2544

2545    (ประมาณการ)
%          เปลี่ยนแปลง
รถยนต์นั่ง
11,436.6
8,534.6
8,000.0
-6.26
รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก
6,598.6
5,308.6
6,300.0
18.68
ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบ รวมทั้งโครงรถและตัวถัง
58,242.8
70,661.6
79,000.0
11.80
ยางรถยนต์
1,538.3
2,149.6
2,300.0
7.00
รถจักรยานยนต์
9.8
842.8
950.0
12.72
ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักร-ยานยนต์ และรถจักรยาน
2,818.8
3,011.4
2,900.0
-3.70

ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

 

 

หน่วย: ล้านเหรียญสหรัฐ

ประเภทยานยนต์

2543

2544

2545    (ประมาณการ)
%          เปลี่ยนแปลง
รถยนต์นั่ง
288.3
190.9
185.0
-3.09
รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก
165.5
119.1
145.0
21.75
ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบรวมทั้งโครงรถและตัวถัง
1,453.8
1,585.6
1,800
13.52
ยางรถยนต์
38.5
48.2
50.0
3.73
รถจักรยานยนต์
0.3
18.7
20.0
6.95
ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักร-ยานยนต์ และรถจักรยาน
70.4
67.6
65.0
-3.85

ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

 

 

ตาราง4 : การส่งออกยานยนต์  

    

ประเภทยานยนต์

2543

2544

2545    (ประมาณการ)
%          เปลี่ยนแปลง
รถยนต์ (CBU) (คัน)
152,836
175,299
185,000
5.53
มูลค่า (ล้านบาท)
 
 
 
 
   รถยนต์
63,148.28
83,894.70
84,000.00
0.13
   ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ (OEM)
9,531.17
11,748.57
14,000.00
19.16
   เครื่องยนต์
7,106.22
7,481.38
6,000.00
-19.80
   ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์
1,245.65
1,758.56
1,800.00
2.36
รถจักรยานยนต์ (CBU&CKD) (คัน)
267,248
272,301
520,000
90.97
มูลค่า (ล้านบาท)
 
 
 
 
   รถจักรยานยนต์
7,421.04
7,833.36
7,800.00
-0.43
   ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักร-  ยานยนต์ (OEM)
3,180.33
4,161.58
3,900.00
-6.29
   ชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์
188.74
761.44
1,400.00
83.86

ที่มา: สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น